ออกซิน เป็นฮอร์โมนพืชที่นิยมใช้ในทางการเกษตรมาอย่างช้านานเพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของพืชในหลายด้าน ปัจจุบันกระแสความรู้ความเข้าใจในการใช้ประโยชน์จากออกซินมีความสับสนอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้เพื่อลดการหลุดร่วงของดอกและผลในทุเรียน
ออกซิน มีบทบาทสำคัญในทางการเกษตรในฐานะฮอร์โมนพืช หรือเป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ดังนี้
1. ควบคุมการเกิดราก โดยกระตุ้นสร้างจุดเจริญของราก การใช้กับกิ่งปักชำหรือกิ่งตอนในไม้เนื้อแข็งจะต้องใช้ความเข้มข้นสูง ราว 4,000-20,000 ppm (มิลลิกรัมต่อลิตร) สำหรับกิ่งอ่อนหรือไม่มีเนื้อไม้ใช้ความเข้มข้น 500-2,000 ppm
2. ควบคุมการเกิดตาข้างหรือกิ่งแขนง เช่น ใช้ควบคุมการเกิดกิ่งแขนง กิ่งน้ำค้าง หรือกิ่งกระโดง เมื่อตัดยอดแล้วทาด้วยออกซินความเข้มข้น 40,000-50,000 ppm (สารเอ็นเอเอ 4.5% ไม่ต้องผสมน้ำ)
3. ส่งเสริมการเจริญเติบโตทุกส่วนของพืช ในลักษณะขยายขนาดในทุกทิศทาง
4. กระตุ้นการออกดอกในไม้ผลบางชนิด เช่น สับปะรด ใช้ในปริมาณเข้มข้นสูงเพื่อกระตุ้นเอทีลีน จึงเป็นผลทางอ้อม
5. ลดการหลุดร่วงขอใบ ดอก และผล ในไม้ผลบางชนิด เช่น มะม่วง ส้ม องุ่น ลางสาด โดยการชะลอการออกฤทธิ์ของกรดแอบไซซิก และควบคุมการเพิ่มปริมาณเอทีลีน
6. การเปลี่ยนเพศดอกเป็นดอกเพศผู้
7. การผลิตผลที่ไม่มีเมล็ดให้พัฒนาผลต่อไปได้ ซึ่งมักไม่ค่อยได้ผลหรือขาดประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับฮอร์โมนพืชชนิดอื่น โดยมีรายงานใช้กับผลไม้ที่ไม่ได้รับการผสมเกสรหรือผสมเกสรไม่สมบูรณ์ เช่น สับปะรด สตรอเบอรี่ กล้วย และมะเขือเทศ
8. เพิ่มการติดผล ซึ่งผลไม้ที่ตอบสนองต่อการเพิ่มการติดผลจะเป็นผลที่มีเมล็ดมากในผล เช่น มะเขือเทศ พริก ส้ม ส้มโอ
9. ใช้เป็นสารกำจัดวัชพืชใบกว้างและกก สารที่มีฤทธิ์ออกซินสูง เช่น ทู,โฟร์-ดี (2,4-D) และ โฟร์-ซีพีเอ (4-CPA)
ออกซิน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ตามแหล่งที่มา เช่น ออกซินที่พืชสังเคราะห์ขึ้น ส่วนใหญ่พบมากเป็นกรดอินโดล-3-อะซีติก (IAA) และออกซินสังเคราะห์ เช่น เอ็นเอเอ (NAA) ไอบีเอ (IBA) เป็นต้น หรือหากแบ่งตามการใช้งานจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะเช่นกัน ดังนี้
1. ใช้เป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตพืช ได้แก่
1.1 ไอเอเอ (IAA: Indole-3-acetic acid): ไอเอเอที่สังเคราะห์ขึ้นแม้มีคุณสมบัติและโครงสร้างทางเคมีเหมือนหรือใกล้เคียงกับไอเอเอที่พบในพืช แต่สารที่สังเคราะห์ขึ้นไม่มีความเสถียร การเก็บรักษายุ่งยากและมีราคาแพง จึงไม่นิยมใช้ในภาคปฏิบัติในสวนในไร่
1.2 เอ็นเอเอ (NAA: 1-naphthyl acetic acid): เป็นสารสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์ของออกซิน มีคุณสมบัติที่เหมาะกับการใช้พ่นมากกว่าใช้กระตุ้นการเกิดรากแต่สามารถใช้ทดแทนไอบีเอในการเกิดรากได้
1.3 ไอบีเอ (IBA: 4-(indol-3-yl) butryric acid): เป็นสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการเกิดรากสูงกว่าเอ็นเอเอ แต่ประสิทธิภาพการใช้พ่นต่ำ ราว พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ยังไม่มีผู้จำหน่ายที่ขึ้นทะเบียนไอบีเอกับกรมวิชาการเกษตร ในอดีตไอบีเอที่นิยมใช้มากที่สุดมีชื่อการค้า ว่า รูทโกร และคาดว่าในอีก 1-3 ปี หลังจากนี้จะมีผู้จัดจำหน่ายที่ขึ้นทะเบียน
2. ใช้เป็นสารกำจัดวัชพืช ได้แก่
2.1 ทู,โฟร์-ดี (2,4-D: 2,4-dichlorophenoxy acetic acid): ห้ามนำมาใช้เพื่อเป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากมีฤทธิ์ของออกซินสูงมาก นิยมใช้เป็นสารกำจัดวัชพืช
2.2 โฟร์-ซีพีเอ (4-CPA: 4-chlorophenoxy acetic acid): มีฤทธิ์เช่นเดียวกับ ทู,โฟร์-ดี
ภาพ: สวนทุเรียนที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พ่นเอ็นเอเอ 4.5% อัตรา 60 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร ประมาณ 4 ครั้ง ระหว่างช่วงเดือน ก.พ.-ต้น พ.ค. 2567 (ในสวนมีผลทุเรียนหลายรุ่น)
การหลุดร่วงของใบ ดอก และผล เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสร้างชั้นแอบซิสชั่น (abscission layer) บริเวณข้อต่อส่วนต่างๆ ของพืช ชั้นดังกล่าวเกิดจากการรวมตัวกันอย่างหลวมๆ ของเซลล์พาเรนไคมา ซึ่งต่อไปจะพัฒนาเป็นชั้นแยกแซ็พพะเรชั่น (separation layer) โดยมีกรดแอบไซซิก (abscisic acid) เป็นตัวควบคุมหรือกระตุ้นการสร้างชั้นแอบซิสชั่น การหลุดร่วงที่เกิดขึ้นจะพบว่า บริเวณดังกล่าวมีปริมาณออกซินลดต่ำลง และมีปริมาณกรดแอบไซซิกกับเอทีลีนสูงขึ้น ดังนั้นการหลุดร่วงของดอกและผลจึงเกี่ยวข้องกับปริมาณออกซินที่ลดลงส่งผลให้มีปริมาณเอทีลีนเพิ่มขึ้น เอทีลีนจึงกระตุ้นการสลายชั้นแยกแซ็พพะเรชั่นทำให้ข้อต่อขั้วดอก-ขั้วผลแยกออกจากกัน
ในทุเรียนแม้ยังไม่มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อการใช้ออกซินในการลดการหลุดร่วงของดอกและผล แต่ก็มีการใช้สารเอ็นเอเอ (NAA 4.5%) เพื่อลดการหลุดร่วงอยู่ก่อนแล้ว สำหรับในพืชอื่นมีรายงานการใช้เอ็นเอเอเพื่อลดการหลุดร่วงของดอกและผล ตัวอย่าง เช่น มะม่วง พ่นเอ็นเอเอความเข้มข้น 10-40 ppm หลังผลอายุ 5-6 สัปดาห์ พ่น 2 ครั้ง ห่างกัน 15 วัน หรือลางสาด พ่นเอ็นเอเอความเข้มข้น 100-400 ppm ระยะผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ช่วยลดการหลุดร่วงของผลลางสาด (สัมฤทธิ์, พ.ศ. 2557)
ในช่วง 2-3 ปีมานี้ มีการกล่าวถึงการพ่นออกซินในต้นทุเรียนอายุ 5-6 ปี ที่ให้ผลผลิตปีแรกเพื่อลดการหลุดร่วงของดอกและผลจะทำให้เมล็ดผลทุเรียนหยุดพัฒนา เมล็ดลีบหายไป (ไม่มีเมล็ด) ผลยังพัฒนาต่อไปได้จนถึงระยะเก็บเกี่ยว แต่เมื่อผ่าผลออกมากลับพบว่าผลทุเรียนไม่มีการสร้างเนื้อ เปลือกหนา หนามใหญ่ จึงก่อความกังวลต่อการใช้ออกซิน (NAA 4.5%) ในทุเรียน
รัชนี ฉัตรบรรยงค์ และคณะ (พ.ศ. 2563) ทำการศึกษาวิจัยผลของการใช้ฮอร์โมนพืชชนิดต่างๆ ต่อการเจริญพัฒนาของผลทุเรียนพันธุ์พวงมณี พบว่า มีการใช้ออกซินความเข้มข้นสูง (500 และ 1,000 ppm) 2 ครั้ง หลังดอกบาน 3 สัปดาห์ และ 6 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่า
ออกซิน ไม่ส่งผลให้ผลทุเรียนพันธุ์พวงมณีมีอาการเมล็ดลีบหาย เปลือกหนา หนามใหญ่และไม่มีเนื้อผลแต่อย่างใด
แนะนำพ่นออกซินก่อนที่จะมีการหลุดร่วงของผล หรือพ่นเป็นระยะๆ ทุก 14-21 วัน (สัมฤทธิ์, พ.ศ. 2557) โดยหากพ่นเป็นระยะๆ พ่นในช่วงดอกเริ่มบานราว 20-30% ต่อเนื่อง ควรพ่นเอ็นเอเอ 4.5% อัตรา 50-60 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร (11-13 ppm) โดยพ่นทุก 19-21 วัน
ในกรณีสภาพอากาศร้อนจัด แล้ง หรือมีฝนตกลงมาบ้าง และ/หรือ สภาพต้นไม่สมบูรณ์ ใบในทรงพุ่มน้อย อาหารสะสมไม่เพียงพอ พ่นเอ็นเอเอ 4.5% อัตรา 80 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร (18 ppm) พ่นทุกๆ 19-21 วัน หรืออัตรา 60 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร พ่นทุกๆ 14 วัน
สำหรับในภาวะวิกฤษ เช่น ผลหลุดร่วงมาก อาจพ่นเอ็นเอเอ 4.5% อัตรา 80-100 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร (18-22.5 ppm) พ่นต่อเนื่อง 2 ครั้ง ห่างกัน 10 วัน
เฉลิมชัย วงศ์วัฒนะ.ไม่ระบุปีพิมพ์.เอกสารคำสอน ฮอร์โมนพืช (Plant Hormones).รายวิชา ชว 456 (BI 456) ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.136 หน้า.
พีรเดช ทองอำไพ.ไม่ทราบปีพิมพ์.สารควบคุมการเจริญเติบโต.ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตร.หน้า 191-203.
รัชนี ฉัตรบรรยงค์ และคณะ.(วิจัย 2559-2563).ผลของ NAA, GA3, CPPU ต่อการผลิตทุเรียนพวงมณีเมล็ดลีบ.รายงานผลงานโครงการวิจัยและพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียนคุณภาพระยะที่ 2 (ปี 2559-2563) แผนงานวิจัยแผนบูรณาการวิจัยและพัฒนาไม้ผลเศรษฐกิจ.
ลิลลี่ กาวีต๊ะ และคณะ.2560.สรีรวิทยาของพืช.พิมพ์ครั้งที่ 4.กรุงเทพฯ.สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.270 หน้า.
สมบุญ เตชัภิญญาวัฒน์.ไม่ทราบปีที่พิมพ์.สรีรวิทยาของพืช.ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตร.สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.237 หน้า.
สัมฤทธิ์ เศรษฐวงศ์.2557.การใช้ฮอร์โมนกับไม้ผล.พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ : เกษตรสยาม.144 หน้า.
Mardubai by James Thirasak
มือถือ. 082-353-5156
อีเมล. thirasak.chuchoet@gmail.com
ร้านหัวถนนการเกษตร-289
เลขที่ 52/4 ถ.นครศรีฯ-ปากพนัง ต.ในเมือง
อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
80000